ผ่านมากว่า 20 ปีแล้วเหรอเนี่ย...
กับช่วงเวลาที่ได้พากย์การ์ตูนเรื่องโปรดหลายเรื่องแทบทุกวัน
20 ปี ดูเป็นเวลาที่ยาวนาน แต่ในความรู้สึกนั้นกับผ่านไปเร็วมาก
มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายในชีวิต ทั้งสุขทั้งทุกข์สลับกันไป
ลงทุนสร้างหนังของตัวเอง ทั้งๆ ที่รู้ว่าขายไม่ได้ แต่ใจมันเรียกร้องอยากให้บ้านเรามีซุปเปอร์ฮีโร่เป็นของตัวเอง (เจ๊งแต่มีความสุข)
ดิจิทัลทีวีและสื่อออนไลน์ เข้ามาลดบทบาทของสื่อทีวี รายการการ์ตูนและรายการเด็กทั้งเช้าและเย็น ค่อยๆ ล้มหายตายจาก (เจ๊งต่อ 55)
งานวันเด็กที่ไม่มีโชว์แปลงร่างมันช่างกร่อยจริงๆ (รู้สึกเสียใจแทนเด็กๆ)
การ์ตูนเด็กเปลี่ยนเนื้อหาไปมากเพราะต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ยังสนุกอยู่แล่ะแต่ก็มีการค้าเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น
รู้สึกถึงจุดอิ่มตัวรวมถึงปัญหาสุขภาพ เลยเลิกพากย์การ์ตูนไปพักใหญ่ๆ แต่ก็ยังมีพากย์หนัง ซีรีส์ และทำงานเบื้องหลังอยู่บ้าง (อยากจะติสท์กับเค้าบ้าง)
ห่างหายไปจากหน้าจอ ทุ่มเทเวลาให้กับเจ้าโนบิ (ลาบราดอร์สีน้ำตาลตัวยักษ์)
ครอบครัวใหญ่ขึ้น ลูกคนโตแต่งงาน
ป่วยหนักจนเกือบเสียชีวิต คำสั่งเสียสุดท้ายตอนนั้นคืออย่าลืมผสมผักสดให้เจ้าโนบิมันด้วยนะ (ถึงตัวจะไปแต่หมาต้องอยู่ 55)
ลูกคนเล็กออกจากงานมาช่วยดูแล
รอดมาได้แบบงงๆ ขอขอบคุณทุกกำลังใจ และก็เพิ่งได้รู้ว่าบรรดาหมอกับพยาบาลไทยนี่เป็นแฟนการ์ตูนตัวยงเลย (เคารพและนับถือบุคลากรในอาชีพนี้มากครับ ยิ่งช่วงโควิด พวกเค้าคือฮีโร่ตัวจริง)
ได้หลานชายคนแรก สิ่งแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นในชีวิต
ปิดบริษัทที่เปิดมานานกว่า 30 ปี คิดว่าถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนสักที
ขึ้นเวที Talk Show มีโอกาสได้แชร์เรื่องราวของตัวเอง (แอบดีใจที่มีกระแสเรียกร้องให้กลับมาพากย์การ์ตูนต่อ น้ำตาจิไหล)
เจ้าโนบิจากไป หลังจากอยู่ด้วยกันมา 10 ปี (น้ำตาไหลครั้งแรก)
เริ่มกลับมาพากย์การ์ตูนอีกครั้ง หลังจากผ่าตัดรอบสุดท้าย (ตอนแรกคิดว่าจะกลับมาเดินไม่ได้ซะแล้ว)
เปิดร้านกาแฟเพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆ อยากให้เป็นสถานที่ที่มาพบปะพูดคุยกัน (ใครเคยมาที่ร้านหรืองานปีใหม่จะรู้สึกถึงความอบอุ่น)
วงการการ์ตูนคึกคักขึ้นมาก แม้ทางทีวีจะน้อยลงแต่เริ่มเห็นการ์ตูนญี่ปุ่นเข้าโรงมากขึ้น ^^
ดราก้อนบอลออกกภาคใหม่ ดีใจมาก และรู้สึกขอบคุณที่ทุกคนยังคิดถึงเสียงโงกุนในตอนนั้นอยู่ (ขออนุญาตเรียกชื่อแบบยุคเด็ก 90s ไม่ดราม่านะ)
โดราเอมอน ยังมีภาคมูฟวี่ออกมาเรื่อยๆ (หนอยเจ้าโนบิตะ มาให้ชั้นอัดหน่อยดิ๊)
โคนันกับวันพีซก็ยังไม่จบ (ยอมมม)
หลานคนที่สองออกมา (โคตรซน 55)
ได้เอา Crystal Knight มาลงทางช่องยูทูป หลังจากถ่ายทำไปเกือบ 20 ปี (หนังแสดงผมแต่งงานมีลูกกันหมดแล้ว)
ปิดร้าน Time Machine Cafe ไปก่อน หลังจากเปิดมาได้ปีครึ่ง สุขภาพยังไม่ค่อยดี เลยไปที่ร้านบ่อยๆ ไม่ได้ (ไว้มีโอกาสจะมาเปิดใหม่นะครับ)
คุณแม่เสีย (เสียใจแต่ก็ภูมิใจที่ได้ดูแลท่านเต็มที่)
ยังมีอาการเรื้อรังที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ ทั้งปวดหลัง ขาชา ปวดเส้นประสาท หอบหืด ฯลฯ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเครียดอะไร ผ่านมาได้ถึงขนาดนี้ก็นับว่าเป็นปาฏิหารย์มากแล้ว (ใครตามด็อกเตอร์เคให้ที)
1997 2008 2020 เราเจอวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ถึง 3 รอบ คนไทยทุกคนสู้กันเต็มที่ และครั้งนี้จะเป็นอีกครั้งที่เราจะผ่านไปด้วยกัน
ตั้งใจว่าหลังโควิด จะกลับมาทำการ์ตูนอีกครั้ง แต่คงจะให้ลูกๆ ช่วยเป็นหัวหอกแทน (ไว้มาอัพเดทให้ฟัง)
กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ถ้าเปรียบเป็นความสำเร็จผมว่ามันตรงกันข้ามเลยนะ แต่ไม่รู้ทำไมทุกวันนี้ ผมกลับมีความสุขมากขึ้น
ไม่มีเรื่องไหนที่เป็นเรื่องไม่ดี มีแต่เรื่องที่เข้ามาสอน ให้บทเรียน ทำให้เราเติบโต
หากเรามองชีวิตให้เป็นการเดินทาง แทนที่จะเป็นจุดหมายปลายทาง เราจะเห็นความสุขที่อยู่รายล้อมมากขึ้นครับ
ใครที่กำลังท้อแท้ สิ้นหวัง โปรดจงเข้มแข็ง ถ้าเหนื่อยหนักก็พักก่อน แรงมาแล้วจึงค่อยเดินต่อ
ชีวิตน้าต๋อยเองก็ไม่ได้ราบรื่นเหมือนกัน ยิ่งถ้านับช่วงก่อนมาเป็นนักพากย์อันนั้นหนักเลย อดมื้อกินมื้อเป็นเรื่องปกติ
อยู่กับปัจจุบัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด และก็อย่าลืมยิ้มให้มากๆ
ขอให้มีความสุขในวันหยุดกันทุกคนนะครับ
#TimeMachine #20ปีผ่านมา #ตั้งใจจะเขียนเรื่องดิจิมอนกลายมาเป็นหนังชีวิตเฉย